Next Beyond
หน้าหลักข่าวสารสมัครเป็นนักเขียนสมัครเป็นนักอ่านเข้าสู่ระบบนักเขียน
เข้าสู่ระบบนักอ่าน
BannerBannerBannerBannerBannerBannerBannerBannerBannerBanner
logo

Next Beyond Research Co., Ltd.

ที่ตั้ง:
1 อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ชั้น 47 ยูนิต 4703 (ริเวอร์ 5) ถ.สาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. 10120
อีเมล:
bookez.team@gmail.com
เบอร์โทรศัพท์:
020-162-836
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • ติดต่อเรา
facebook
Copyright 2025 © NEXT BEYOND RESEARCH

หนังสือโปรโมชั่น

เหลือเวลาอีก22 ชั่วโมง 4 นาที
ตำราสรรพคุณยา
โปรโมชั่น
e-book
ตำราสรรพคุณยา

กรมหลวงวงศาธิราชสนิท

coin99 Coin5 Coin
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท อดีตอธิบดีแพทย์ในสมัย ร.๓-ร.๔ ท่านเป็นแพทยาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิและเชี่ยวชาญในการแพทย์ไทย ตำราสรรพคุณยาของกรมหลวงวงศาธิราชสนิทเล่มนี้เป็นพระนิพนธ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ผู้ทรงได้รับการยกย่องนับถือว่าเป็นแพทยาจารย์ในการแพทย์ไทย ท่านทรงค้นคว้า รวบรวม และอธิบายถึงสรรพคุณยาสมุนไพรไทยอย่างละเอียด ด้วยภาษาที่ง่ายและชัดเจน จำนวน ๑๖๖ ชนิด เช่น มะขามป้อม ดีปลี ขิงแห้ง ขิงสด สะค้าน เจตมูลเพลิงแดง พิมเสน กระวาน ผักชี ขมิ้นชัน สมอผลเล็ก สมอป่าผลใหญ่ ตรีผลา #ตำราสรรพคุณยา #กรมหลวงวงศาธิราชสนิท #ความรู้ทั่วไป #เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย #บทความ #ความเรียง
เหลือเวลาอีก22 ชั่วโมง 4 นาที
ไซอิ๋ว ท่องพิภพสยบมาร
โปรโมชั่น
e-book
ไซอิ๋ว ท่องพิภพสยบมาร

อู๋ เฉิงเอิน (吳承恩)

coin99 Coin25 Coin
ไซอิ๋ว (西遊記; อังกฤษ: Journey to the West แปลตรงตัวว่า บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก) เป็นนิยายคลาสสิกของจีน แต่งขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1590 ช่วงราชวงศ์หมิง ประพันธ์โดย อู๋เฉิงเอิน ไซอิ๋วเป็นเรื่องของการเดินทางไปยังชมพูทวีป (อินเดีย) เพื่ออัญเชิญคัมภีร์พระพุทธศาสนาของหลวงจีนชื่อ พระถังซำจั๋ง (อ้างอิงจากผู้มีตัวตนจริง ในประวัติศาสตร์ มีนามว่าพระเสวียนจั้ง 玄奘大師) โดยมีสัตว์ 3 ตัวเป็น เพื่อนร่วมทาง คือ เห้งเจีย (ปีศาจลิง) ตือโป๊ยก่าย (ปีศาจหมู) และซัวเจ๋ง (ปีศาจทราย) ซึ่งระหว่างการเดินทางต้องพบกับการขัดขวางของเหล่าปีศาจมากมาย ด้วยเนื้อหาที่เป็นการผจญภัย และมีสัตว์เป็นตัวเอก ทำให้ไซอิ๋วได้รับความนิยมจากหมู่เยาวชนมากที่สุดในวรรณกรรมเอกทั้ง 4 เรื่อง เป็นหนึ่งในสี่ สุดยอดวรรณกรรมจีนร่วมกับสามก๊ก(三國演義) ความฝันในหอแดง (紅樓夢) และซ้องกั๋ง (水滸傳) การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง ดราก้อนบอล เป็นหนึ่งในงานที่ได้รับอิทธิพลจากไซอิ๋ว ตัวละครเอกของเรื่อง ซุนหงอคง ซุนหงอคง(孫悟空)หรืออีกชื่อหนึ่งว่า ซุนเห้งเจีย(孫行者)ตั้งฉายาตัวเองว่าฉีเทียนต้าเซิ่ง/齊天大聖 (แปลว่า มหาเทพเสมอฟ้า) ในหนังสือยังเรียกอีกว่า วานรใจ(心猿),จินกง(金公) เป็นวานรหินที่เกิดจากศิลาวิเศษซึ่ง ปริแตกและโดนลม ณ ดินแดนตงเซิ่งเสินโจว/ตังเซ่งสิ่งจิว(東勝神洲) เมือง เง่าล่ายก๊ก(傲來國) ภูเขาฮวยก๊วยซัว(花果山) เป็นอ๋องปกครองอยู่ ณ ถ้ำม่านน้ำจุ๊ยเลียมต๋อง(水簾洞) สี่ห้าร้อยปี ภายหลังใช้เวลาแปดเก้าปี เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล ไปขอเป็นศิษย์ของพระอาจารย์สุภูติ (โผเถโจ๊ซือ/菩提祖師) ณ กายสิทธิ์มณฑป เขาองคุลีวงจันทร์ ถ้ำตรีดารา สำเร็จวิชาแปลงกายเจ็ดสิบสองอย่าง อาวุธที่ใช้คือแท่งเหล็กกายสิทธิ์ที่ได้จากวังมังกร ก็คือกระบองทองสารพัดนึก ในนิยายซ่อนนัยว่าเป็นธาตุทอง นับแต่นั้นเป็นต้นมา ซุนหงอคงอาละวาด แดนสวรรค์ ตั้งฉายาตัวเองว่ามหาเทพเสมอฟ้า ถูกพระยูไล ( พระตถาคต, พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในความเชื่อของพุทธมหายาน) สะกดเอาไว้ใต้ภูเขาเบญจคีรี ห้าร้อยปีให้หลัง พระถังซัมจั๋งเดินทางสู่ตะวันตกเพื่ออัญเชิญพระคัมภีร์ ระหว่างเดินผ่านภูเขาเบญจคีรี (ภูเขาห้ายอด) ดึงยันต์ศักดิ์สิทธิ์ออก ซุนหงอคงจึงรอดพ้น ซุนหงอคงซาบซึ้งบุญคุณ ภายหลังได้รับการชี้แนะของเจ้าแม่กวนอิม กราบพระถังเป็นอาจารย์ ได้ชื่อใหม่ว่า ซุนเห้งเจีย(孫行者) ร่วมเดินทางสู่ตะวันตก ตลอดเส้นทางอัญเชิญพระคัมภีร์ ซุนหงอคงปราบปีศาจสยบมาร ทำความชอบมากมาย กระนั้นก็ยังถูกพระถังซัมจั๋งผู้เป็นอาจารย์เข้าใจผิด ขับไล่ออกจากกลุ่มหลายครั้งหลายครา ในที่สุดคณะศิษย์อาจารย์ทั้งสี่ เดินทางจนถึงวัดลุ่ยอิม(雷音寺) ได้รับพระคัมภีร์ ผลบุญครบถ้วนสมบูรณ์ สำเร็จมรรคผล ได้รับการแต่งตั้งจาก พระยูไล ให้เป็นชนะศึกพุทธะ (鬥戰勝佛) ซุนหงอคงมีความเฉลียวฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบ ขี้เล่น กล้าหาญ มีความภักดี รังเกียจความชั่วร้าย ถือเป็นตัวแทนของปฏิภาณไหวพริบ สติปัญญาและความกล้าหาญในวัฒนธรรมจีน ดังนั้นซุนหงอคงจึงเป็นวีรบุรุษที่เด็กผู้ชายชาวจีนทั่วไปยกย่องชื่นชม ถังซัมจั๋ง พระถังซัมจั๋ง(唐三藏)ในนิยายเป็นตัวละครสมมติ มีความแตกต่างจากพระเสวียนจั้งในประวัติศาสตร์จริง พระถังซัมจั๋งในนิยายเดิมแซ่เฉิน มีชื่อว่ากังลิ้ว (江流兒) หรือผู้ลอยมากับแม่น้ำ มีนามในทางสงฆ์ว่าเสวียนจั้ง (玄奘) ได้รับฉายาซัมจั๋ง (三藏) ฮ่องเต้ถังไท่จงพระราชทานแซ่ถัง(唐) เป็นพระจินฉานจื่อ สาวกองค์ที่สองของพระยูไล กลับชาติมาเกิด ในนิยายซ่อนนัยว่าเป็นธาตุไฟ เขาเป็นบุตรที่ติดครรภ์ บิดามารดาประสบกับเคราะห์กรรมที่เลวร้าย เติบโตอยู่ในวัดตั้งแต่เด็ก เมื่อโตขึ้นออกบวชที่วัดฮั่วเซิงซื่อ สุดท้ายย้ายมาจำวัด ปฏิบัติธรรมอยู่ในวัดที่มีชื่อเสียงในนครหลวง พระถังขยันพากเพียร สติปัญญาสูงส่ง มีความโดดเด่นท่ามกลางหมู่สงฆ์ สุดท้ายได้รับเลือกโดยฮ่องเต้ถังไท่จง เข้าพิธีสาบานตนเป็น พี่น้องกัน ออกเดินทางสู่ตะวันตก เพื่ออัญเชิญพระคัมภีร์ ระหว่างการเดินทาง พระถังซัมจั๋งรับศิษย์ด้วยกันสามคน : ซุนหงอคง ตือโป๊ยก่าย ซัวเจ๋ง สุดท้ายผลบุญครบถ้วนสมบูรณ์ ได้รับการแต่งตั้งจากพระยูไล เป็นบุญกุศลพุทธะ (旃檀功德佛) มือถือคฑาเก้าห่วงที่เจ้าแม่กวนอิมประทานให้ กายห่มจีวรศักดิ์สิทธิ์ ตือโป๊ยก่าย ตือโป๊ยก่าย(豬八戒)เรียกตัวเองว่าจูกังเลี่ย/ตือกังเลี๊ยก(豬剛鬣) มีชื่อในทางสงฆ์ว่าจูอู้เหนิง/ตือหงอเหลง(豬悟能) ในหนังสือยังเรียกอีกว่า มู่หมู่ เดิมเป็นแม่ทัพเทียนฝง(天蓬元帥/ทีผ่งหง่วนส่วย)บนสวรรค์ แต่เนื่องจากลวนลามนางฟ้าฉางเอ๋อ(嫦娥) จึงถูกลงโทษให้มาเกิดบนโลกมนุษย์ แต่ผิดพลาดเข้าสู่ครรภ์หมู ทำให้กลายเป็นตัวคนหัวหมู นับแต่นั้นมาจึงขานแซ่ตนเองว่าจู/ตือ ซึ่งแปลว่าหมู เรียกตนเองว่าจูกังเลี่ย/ตือกังเลี๊ยก รับศีลถือบวชโดยเจ้าแม่กวนอิม ตั้งชื่อว่าอู้เหนิง/หงอเหลง แต่งงานกับลูกสาวชาวบ้านที่หมู่บ้านสกุลเกา/กอ (高)ต่อมาถูกหงอคงปราบ พระถังซัมจั๋งตั้งชื่อให้ใหม่ว่าตือโป๊ยก่าย(豬八戒) ในนิยายซ่อนนัยว่าเป็นธาตุไม้ ภายหลังผลบุญครบถ้วนสมบูรณ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพุทธพิธีทูต (淨壇使者) อาวุธของตือโป๊ยก่ายคือคราดเก้าซี่ มีชื่อเต็มว่า 上寶沁金鈀 ตือโป๊ยก่ายรู้เพียงวิชาแปลงกายสามสิบหกอย่าง ซาเหอซ่าง ซาเหอซ่าง(沙和尚)มีชื่อในทางสงฆ์ว่าซาอู้จิ้ง/ซัวหงอเจ๋ง(沙悟凈) ในนิยายใช้ชื่อว่าซัวเจ๋ง(沙凈) เดิมเป็นขุนศึกเปิดม่านบนสวรรค์ เนื่องจากทำโคมหลิวหลีแตกในงานเลี้ยงชุมนุมท้อทิพย์ ทำให้เจ้าแม่ซีหวังหมู่(西王母)โกรธ ถูกเนรเทศสู่โลกมนุษย์ เป็นปีศาจริมแม่น้ำหลิวซาเหอ จึงใช้ซา (ซัว) เป็นแซ่ ในนิยายซ่อนนัยว่าเป็นธาตุดิน รับศีลถือบวชโดยเจ้าแม่กวนอิม ตั้งชื่อว่าอู้จิ้ง ต่อมาพระถังซัมจั๋งรับไว้เป็นศิษย์ ตั้งชื่อให้ใหม่ว่าซาเหอซ่าง(沙和尚) อาวุธที่ใช้คือพลั่วพระธรรมปราบมาร ภายหลังผลบุญครบถ้วนสมบูรณ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นอรหันต์ร่างทอง (金身羅漢)มีชื่อเต็มว่าโพธิสัตว์อรหันต์ร่างทองแปดรัตนะ (八寶金身羅漢菩薩) ม้ามังกรขาว ม้ามังกรขาว (白龍馬)เป็นโอรสองค์ที่สามของเจ้ามังกรเอ๋ายุ่น (เหง่าหยุ่ง/敖閏)แห่งทะเลตงไห่(東海)(เอ้า/เง๊า(敖)เป็นแซ่ของราชนิกูล เผ่าพันธุมังกรที่ปกครองทะเลทั้งสี่ทิศ) ในนิยายไม่ได้กล่าวถึงชื่อ และไม่ได้รับ การตั้ง "ชื่อในทางสงฆ์" ในนิยายซ่อนความหมายว่าเป็น "จิตอาชา" เนื่องจากจุดไฟเผาไข่มุกวิเศษของตำหนักมังกร มีโทษประหาร แต่เจ้าแม่กวนอิมช่วยไว้ สั่งให้รอคณะพระถังซัมจั๋งเดินทางผ่านมาอยู่ที่ภูเขาเสอผานซาน (蛇盤山)ภายหลังกินม้าขาวพาหะนะของพระถังซัมจั๋งลงไป ในนิยายซ่อนนัยว่าเป็นธาตุน้ำ หลังจาก พระถังซัมจั๋งรับไว้เป็นศิษย์ ได้ถอดเขาถอดเกล็ด แปลงกายเป็นม้าขาว (白馬) แทนที่พาหนะตัวเดิม เดินทางอัญเชิญพระคัมภีร์ ภายหลังผลบุญครบถ้วนสมบูรณ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นม้ามังกรสวรรค์แปดเหล่า (八部天龍馬) (ไซอิ๋วฉบับภาษาไทยแปลว่า หมู่นาคมหาเศรษฐี) ไม่มีอาวุธประจำตัว ในการออกฉากครั้งแรก ต่อสู้กับซุนหงอคงด้วยร่างมังกร ไม่ได้ใช้อาวุธ ต่อมาในการสู้รบกับปีศาจกุยมู่หลาง หลอกเอาดาบวิเศษมาจากปีศาจกุยมู่หลาง จึงใช้ดาบเป็นอาวุธ บนเส้นทางสู่ตะวันตก อัญเชิญพระคัมภีร์ สู้รบกับเหล่าปีศาจมารร้ายชนิดต่าง ๆ สุดท้ายไปถึงไซที (西天) อัญเชิญพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์กลับมา คณะศิษย์อาจารย์ทั้งห้า ใช้เวลาสิบสี่ปี ผจญเภทภัยเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดประการ ส่วนที่คลาสสิกที่สุดได้แก่ซุนหงอคงอาละวาดแดนสวรรค์ (大鬧天宮)รับโป๊ยก่ายหมู่บ้านสกุลเกา(豬八戒重返高老莊)รับซัวเจ๋งแม่น้ำหลิวซาเหอ (流沙河收徒)สามสังหารปีศาจกระดูกขาว(三打白骨精)ผล ยิ่มเซียมก้วย(偷吃人叁果)ถ้ำแมงมุมผานซือต้ง(孫悟空大戰盤絲洞)ผจญภูเขาเปลวเพลิง(被困火焰山)ราชาวานรตัวจริงตัวปลอม (真假美猴王)เป็นต้น ระหว่างต่อสู้กับปีศาจมารร้าย แสดงให้เห็นความโดดเด่นต่าง ๆ ของคณะศิษย์อาจารย์ เรื่องราวสนุกสนาน ตลอดระยะเวลาหลายร้อยปี ก็ยังเหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย #ไซอิ๋วท่องพิภพสยบมาร #อู๋เฉิงเอิน吳承恩 #ตื่นเต้นผจญภัย #บู๊แอ็คชั่น #อิงศาสนา #เทพเซียน
เหลือเวลาอีก22 ชั่วโมง 25 นาที
Vendetta ความพยาบาท
โปรโมชั่น
e-book
Vendetta ความพยาบาท

Marie Corelli เเปล : เเม่วัน

coin99 Coin25 Coin
เรื่อง "ความพยาบาท" เป็นนวนิยายเรื่องแรกของไทยที่แปลจากนวนิยายภาษาต่างประเทศ ปรากฏว่าเป็นที่นิยมชมชอบของนักอ่านชาวไทยเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งจากหลวงบุณยมานพพานิช (แสงทอง) นักประพันธ์ คนสําคัญของสยาม ก็เคยกล่าวถึงไว้ในคํานําของเรื่อง"ความพยาบาท"แม้จะเป็นนวนิยายฝรั่ง แต่เมื่อแปลเป็นภาษาไทย ก็ถือว่าเป็นนวนิยายเรื่องแรกที่ได้รับความนิยมชมชอบกันมาทุกรุ่นทุกสมัย ซึ่งนวนิยายเรื่องนี้ มารี คอเรลลี เขียนขึ้นเมื่อ ค.ศ. ๑๘๘๖ (พ.ศ. ๒๔๒๙) เป็นนวนิยายเรื่องที่สองของเธอ หลังจากนวนิยาย เรื่องแรกชื่อ A Romance of Two Worlds เรื่องบรรยายถึง ชีวิตอันเงียบสงบของเคานต์ฟามิโอ โรมานี ชายชาวอิตาเลียนผู้มีบรรดาศักดิ์และมาจากตระกูลผู้ดีเก่าแก่ เป็นที่นับหน้าถือตาในอิตาลีผู้หนึ่ง ซึ่งเขาพํานักอยู่ในคฤหาสน์เก่าแก่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ งานอดิเรกของเขาคืออ่านหนังสือและวาดรูป โรมานีเป็นผู้รักความสมถะ ชีวิตของเขาแวดล้อมไปด้วยมิตรสนิทซึ่งผลัดเปลี่ยนกันมาเยี่ยมเยียน ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่มีความประพฤติไม่ต่างจากเขามากนัก พวกเขาเป็นผู้ที่เพลิดเพลินในหนังสือเก่า ๆ ซึ่งในจํานวนนี้มิตรสนิทที่สุดของโรมานี คือช่างเขียน ชื่อ กิโด เฟอร์รารี ซึ่งเคานต์ โรมานี รักเพื่อนคนนี้เอาเสียมากๆ เทพเจ้าเป็นพยานได้ รักจนปราศจากซึ่งความรังเกียจ ความเห็นแก่ตัวและอื่น ๆ รักชนิดที่สิงอยู่ในบ้าน ซึ่งในระหว่างเพื่อนกันเป็นของหายากมาก ในระหว่างคนที่เจริญวัยด้วยกันแล้ว ๓ คนไม่เคยมีผู้หญิงเข้ามาแผ้วพานความสัมพันธ์ของทั้งสามเลยจนกระทั่งวันหนึ่ง โรมานีได้พบเด็กสาวอายุราวสิบห้า ชื่อ นินน่า เข้าโดยบังเอิญ หล่อนผู้นี้เป็นบุตรสาวคนเดียวของขุนนางชาวเมืองฟลอเรนซ์ ที่หมดตัวเพราะการพนัน บิดาของหล่อนกล่าวกับโรมานีว่า "ลูกสาวของฉันบริสุทธิ์ บริสุทธิ์ดังดอกไม้ที่บูชาพระ" ซึ่งโรมานีก็เห็นพ้องต้องกัน เพราะ "ผู้หญิงเพิ่งจะรุ่น แตกเนื้อสาวและกักตัวอยู่กับพวกชี ตั้งแต่เล็กจะไม่บริสุทธิ์ได้อย่างไร" ทั้งสองสมรสกัน หลังจากสมรสกัน โรมานีก็ได้บุตรสาวกับนินน่าหนึ่งคน ใน ค.ศ. ๑๘๘๔ เกิดโรคระบาดขึ้น ในเมืองเนเปิลส์ โรมานีติดโรคนี้จากผู้ป่วย ซึ่งเขาได้ให้ความช่วยเหลือด้วยความปราณี โรมานีได้รับการรักษาแต่อาการก็ทรุดหนักจนมีอาการเหมือนจะสิ้นใจ ญาติและมิตรสหายเข้าใจว่าถึงแก่กรรมแล้ว จึงพาร่างโรมารีไปฝังที่สุสานประจำตระกูล เมื่อโรมานีฟื้นขึ้น ความตื่นตระหนกทำให้ผมของเขาเป็นสีขาวไปหมด หน้าตาก็ดูแก่ชราลงไป แต่ในความโชคร้ายก็มีลาภลอยแทรกเข้ามา เพราะ ในสุสานนั้นกลายเป็นที่ซ่อนขุมทรัพย์มหาศาลของโจรกลุ่มหนึ่ง โรมานีทราบดังนั้น ด้วยความยินดี เขาจะกลับไปหาภรรยาเพื่อแจ้งข่าวดีให้ทราบ แต่กลับไปเจอความจริงเข้าโดยไม่คาดฝันว่า ภรรยากับเพื่อนรักลักลอบเป็นชู้กันมานานแล้ว และนินน่าเองแต่งงานกับโรมานีก็เพราะเขาเป็นคนมั่งคั่ง หล่อนเกลียดชังความยากจนที่หล่อนประสบมานับแต่บิดาสิ้นเนื้อประดาตัวจากการพนัน โรมานีสาบานว่าจะแก้แค้นเธอและอดีตเพื่อนรักให้สำเร็จจงได้ เพื่อให้สาสมกับความทรยศและการดูหมิ่นเกียรติ โรมานีจึงจึงออกจากเนเปิลส์ไป และย้อนกลับมาใหม่โดยใช้ชื่อ เคานต์ ซีซาเร โอลิว่า โรมานีทุ่มเทเงินทองและความเอาอกเอาใจจนชนะใจ นินน่า จนถึงขนาดที่นินน่ายอมทิ้งกิโด มาแต่งงานกับโอลิว่าแทน(ชื่อใหม่ของโรมานี) และโรมานีก็ฆ่ากิโดเสียในการดวลด้วยกัน ในคืนวันวิวาห์เขาก็ล่อนินน่าไปสู่สุสานประจำตระกูล แล้วเปิดเผยความจริงทั้งหมดให้รู้ เป็นเหตุให้นินน่าสิ้นชีพในอุโมงค์เก็บศพ หลังจากนั้นโรมานีก็ออกจากอิตาลีไปดำเนินชีวิตอย่างสันโดษ รอวันตายอยู่ในอเมริกาใต้ #Vendettaความพยาบาท #MarieCorelli #แม่วัน #ดราม่า #เสียดสีสังคม #แก้แค้น
เหลือเวลาอีก22 ชั่วโมง 25 นาที
ราชาธิราช ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน)
โปรโมชั่น
e-book
ราชาธิราช ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน)

เจ้าพระยาพระคลัง(หน)

coin99 Coin25 Coin
รื่องย่อ ราชาธิราชเป็นวรรณคดีร้อยแก้วประเภทนิยายพงศาวดาร เมื่อ จ.ศ. ๑๑๔๗ (พ.ศ.๒๓๒๘) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพระคลัง (หน) พระยาอินทรอัคคราช พระภิรมรัศมี และพระศรีภูริปรีชา แปลและเรียบเรียงเรื่องราวของ พระเจ้าราชาธิราชซึ่งปรากฏอยู่ในพงศาวดารมอญให้เป็นภาษาไทย เนื้อหาเรื่องราชาธิราชแบ่งเป็น ๓ ภาค คือ ภาค ๑ พระเจ้าฟ้ารั่ว ภาค ๒ พระเจ้าราชาธิราช ภาค ๓ พระเจ้าหงสาวดีมหาปิฎกธรา ภาคแรก พระเจ้าฟ้ารั่ว เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงการสร้างเมืองเมาะตะมะตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระมหากษัตริย์พุกามพระองค์หนึ่งชื่อพระเจ้าอลังคจอสูได้มาสร้างเมืองเมาะตะมะขึ้น ณ ป่าแห่งนั้นตามพุทธทำนาย พระเจ้าอลังคจอสูทรงให้อลิมามางเป็นเจ้าเมือง ฝ่ายสมณเทวบุตรได้จุติลงมาเป็นชาวเกาะวาน แขวงเมืองเมาะตะมะ ชื่อว่ามะกะโท เมื่ออายุได้ ๑๕ ปี มะกะโทได้คุมบริวารมาค้าขายที่เมืองสุโขทัย ระหว่างเดินทางเกิดนิมิตแก่มะกะโทว่าจะได้เป็นใหญ่ในภายหน้า มะกะโทจึงมาฝากตัวอยู่กับนายช้างเมืองสุโขทัย ต่อมาเมื่อสมเด็จพระร่วงเจ้าได้ทรงประจักษ์ถึงสติปัญญาของมะกะโทจึงทรงชุบเลี้ยงจนได้เป็นขุนวัง มะกะโทได้ลอบรักกับนางเทพสุดาสร้อยดาวพระราชธิดาของสมเด็จพระร่วงเจ้าแล้วเกรงความผิดจึงพาพระราชธิดาหนีกลับไปเมืองวาน ผู้คนเห็นว่ามะกะโทมีวาสนาบารมีจึงพากันมาสมัครเป็นพวกพ้อง มะกะโท คิดการจะเป็นใหญ่จึงยกน้องสาวคือ นางอุ่นเรือนให้เป็นภรรยาของอลิมามาง ต่อมามะกะโทมีบริวารมากขึ้น อลิมามางเกิดระแวงจึงคิดอุบายฆ่า แต่ มะกะโทซ้อนกลจนสามารถฆ่า อลิมามางได้ มะกะโทจึงได้เป็นเจ้าเมือง เมาะตะมะและได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระร่วงเจ้าว่า “พระเจ้าฟ้ารั่ว” เป็นปฐมกษัตริย์แห่งเมืองเมาะตะมะ พระเจ้าฟ้ารั่วได้ครองราชย์และสร้างความเป็นปึกแผ่นแก่เมือง เมาะตะมะ ภายหลังเมื่อสวรรคตแล้วมีกษัตริย์ครองราชย์สืบต่อมาอีกหลายพระองค์จนถึงสมัยของพระเจ้ารามไตย ภาคสอง พระเจ้าราชาธิราช พระเจ้ารามไตยมีโอรสธิดา ๓ พระองค์ พระราชธิดาองค์แรกสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ชนมายุยังน้อย พระราชธิดาองค์กลางทรงพระนามว่าวิหารเทวี แต่คนทั่วไปเรียกว่า พระมหาเทวี โอรสองค์สุดท้องชื่อมุนะซึ่งต่อมาได้ครองราชย์ทรงพระนามว่าพระเจ้าอู่หรือเรียกอีกพระนามว่า พระเจ้าช้างเผือก พระเจ้าช้างเผือกมีโอรสธิดา ๔ พระองค์ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเรื่องราชาธิราช คือ โอรสองค์แรกที่มีพระนามว่ามังสุระมณีจักร หรือ พระยาน้อย โอรสอีกพระองค์มีพระนามว่า พ่อขุนเมือง ส่วนพระธิดา ๒ พระองค์ของพระเจ้าช้างเผือกนั้นมีพระนามว่าตะละแม่ท้าวและตะละแม่ศรี โอรสและธิดาของพระเจ้าช้างเผือกนั้นล้วนประสูติจากต่างมารดาทั้งสิ้น พระยาน้อยนั้นกำพร้ามารดา พระมหาเทวีจึงทรงเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กจนเจริญวัย พระยาน้อยได้ลอบรักกับตะละแม่ท้าวน้องสาวต่างมารดา จนมีโอรสชื่อ พ่อลาวแก่นท้าว ส่วนตะละแม่ศรีนั้นพระเจ้าช้างเผือกได้ให้อภิเษกกับ สมิงมราหู เพื่อตอบแทนที่บิดาของสมิงมราหูอาสาศึกจนตัวตาย พระเจ้าช้างเผือกไม่โปรดพระยาน้อยและไม่ประสงค์จะให้ราชสมบัติ เพราะทรงเห็นว่า “มีใจฉกรรจ์ ไม่ศรัทธาในพระศาสนา” หวังจะให้พ่อขุนเมืองได้ครองราชสมบัติต่อ แต่ต่อมาพ่อขุนเมืองสิ้นพระชนม์ก่อน พระยาน้อยจึงเป็นโอรสที่จะต้องครองราชย์สืบต่อ ต่อมาพระมหาเทวีได้ลอบเป็นชู้กับสมิงมราหูจึงคิดการจะฆ่าพระยาน้อยเพื่อให้สมิงมราหูได้ราชสมบัติ พระยาน้อยรู้ตัวจึงหนี ทิ้งตะละแม่ท้าวและพ่อลาวแก่นท้าวไว้ที่เมืองพะโค เมื่อมีผู้ทำนายว่าจะได้เป็นพระมหากษัตริย์ พระยาน้อยก็ซ่องสุมหาคนมีฝีมือเป็นพวก ได้พ่อมอญและมังกันจีเป็นคู่คิดและพากันไปตั้งตัวที่เมืองตะเกิง เมื่ออยู่ที่เมืองตะเกิงนั้นได้นางเม้ยมะนิกแม่ค้าแป้งน้ำมันเป็นชายา ต่อมาเมื่อพระเจ้าช้างเผือกเสด็จสวรรคต พระยาน้อยสู้รบกับพระมหาเทวีและสมิงมราหูได้ชัยชนะขึ้นครองราชย์ ทำพิธีราชาภิเษก ทรงพระนามว่าพระเจ้าสีหราชาธิราช ทรงครองราชย์และเปลี่ยนชื่อเมืองพะโคเป็นเมืองหงสาวดี ทรงปูนบำเหน็จขุนทหารทั้งหลายเป็นอันมาก นายทหารคู่ใจคือพ่อมอญและมังกันจี ได้ปูนบำเหน็จเป็น สมิงพ่อเพชรและราชมนูตามลำดับ เมื่อพระเจ้าราชาธิราชได้ครองราชสมบัติแล้วได้ทรงปราบเจ้าเมืองต่าง ๆ ที่แข็งเมือง ทรงได้นายทหารที่มีฝีมือมาเป็นพวกพ้องเป็นอันมาก มีทหารคนหนึ่งที่เข้ามาสวามิภักดิ์คือมะสะลุมซึ่งต่อมาได้ยศเป็นสมิงนครอินทร์ พระเจ้าราชาธิราชทรงปกครองบ้านเมืองได้อย่างสงบเรียบร้อย จนถึงศักราช ๗๕๓ จึงเกิดสงครามกับพม่าขึ้นในสมัยพระเจ้าฝรั่งมังศรีฉวา สงครามระหว่างมอญกับพม่าในสมัยพระเจ้าฝรั่งมังศรีฉวานั้น เริ่มต้นด้วยพระเจ้าฝรั่งมังศรีฉวาซึ่งครองราชสมบัติ ณ กรุงอังวะ ได้ทราบข่าวว่าพระเจ้าช้างเผือกสิ้นพระชนม์ พระเจ้าราชาธิราชได้ครองราชสมบัติต่อ พระเจ้าฝรั่งมังศรีฉวาทรงคิดจะปราบปรามมอญเสียก่อนที่จะมีกำลังแข็งกล้าจึงทรงยกทัพมาตีมอญที่เมืองหงสาวดี พระเจ้าราชาธิราชทรงยกทัพออกไปต้านศึกไว้ การสู้รบในครั้งนั้นทัพของพระเจ้าฝรั่งมังศรีฉวาพ่ายแพ้ ฝ่ายมอญเมื่อเห็นว่าพม่าพ่ายแพ้ก็ส่งราชทูตไปเยาะเย้ยจนในที่สุดพระเจ้า ฝรั่งมังศรีฉวาตรอมพระทัยสวรรคตเมื่อพระเจ้าฝรั่งมังศรีฉวาสวรรคต มังสุเหนียดพระโอรสได้ครองราชย์ต่อมาทรงพระนามเมื่อราชาภิเษกแล้วว่าพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องหรือเรียกอีกพระนามคือพระเจ้ามณเฑียรทอง มังศรีธาตุพระราชอนุชาคิดชิงราชสมบัติแต่พ่ายแพ้แก่พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง จึงหนีไปสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าราชาธิราช ณ กรุงหงสาวดี พระเจ้าราชาธิราชทรงเห็นเป็นโอกาสจึงยกทัพไปตีเมืองอังวะ พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องยังไม่พร้อมทำศึกจึงทรงให้พระสังฆราชภังคยะสะกะโรไปขอหย่าทัพ พระเจ้าราชาธิราชจึงทรง ยกทัพกลับเมืองหงสาวดี ฝ่ายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องเมื่อพระเจ้าราชาธิราชทรงยกทัพกลับไปแล้วทรงคิดการทำสงครามตอบแทน โดยปราบหัวเมืองที่เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินให้ราบคาบก่อน แล้วจึงส่งสารขอให้เมืองเชียงใหม่ยกมาช่วยตีกระหนาบในการทำสงครามกับมอญ แต่ทหารฝ่ายมอญจับคนเดินสารได้ ทางเมืองเชียงใหม่ไม่ได้สารจากพม่าจึงไม่ได้ยกทัพมาตามแผนของพม่า ฝ่ายเจ้าเมืองที่ถูกพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องปราบปรามได้เข้ามาสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าราชาธิราช พระเจ้าราชาธิราชจึงทรงถือโอกาสนั้นยกทัพไปตีหัวเมืองเหล่านั้นคืน อีกทั้งจับตัวมังกำมุนีและตะละเจ้าเปฟ้า พระราชบุตรเขยและพระราชธิดาของพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องซึ่งอยู่รักษาเมืองตะแคงไป พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องทรงรอไม่เห็นเมืองเชียงใหม่ยกทัพมาช่วยการศึกก็ทรงจัดทัพให้เหล่าทหารลงมาตีเมืองหงสาวดี ฝ่ายมอญมีกำลังน้อยกว่าแต่ก็ได้ยกทัพออกมาสู้รบเป็น ปีต่อมาพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องทรงยกทัพมาตีกรุงหงสาวดีอีกครั้ง ครั้งนี้ นางมังคละเทวีพระอัครมเหสีได้ตามเสด็จด้วย พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องแพ้ต้อง ล่าทัพกลับไป ขณะเดินทางกลับช้างทรงของนางมังคละเทวีเตลิดเข้าป่าไป นางมังคละเทวีได้ทหารชื่อฉางกายช่วยไว้ พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องทรงระแวงว่าฉางกายเป็นชู้กับนางมังคละเทวีจึงทรงสั่งประหารชีวิตฉางกาย พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องทรงยกทัพมาตีกรุงหงสาวดีหลายครั้ง แต่ไม่ว่า ยกทัพมาตีโดยตรงหรือใช้วิธีตีหัวเมืองรายทางก็ไม่สามารถเอาชนะฝ่ายมอญได้ สุดท้ายจึงทรงเจรจาหย่าศึก สงครามระหว่างมอญและพม่าจึงสงบลงเป็นเวลาหลายปี สงครามระหว่างมอญกับพม่าเริ่มต้นอีกครั้งเมื่อโอรสของพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องคือมังรายกะยอฉวาซึ่งเกลียดชังมอญได้ก่อเหตุสงครามขึ้น มังรายกะยอฉวานั้นในชาติก่อนคือพ่อลาวแก่นท้าวโอรสของพระเจ้าราชาธิราชอันประสูติจากตะละแม่ท้าว พ่อลาวแก่นท้าวถูกประหารชีวิตเนื่องจากพระเจ้าราชาธิราชทรงเห็นว่ากระด้างกระเดื่อง พ่อลาวแก่นท้าว ถือพยาบาทจึงอธิษฐานขอเกิดใหม่เป็นโอรสของพระเจ้ากรุงอังวะเพื่อจะมาทำสงครามกับมอญ เมื่อถือกำเนิดใหม่ได้ชื่อว่ามังรายกะยอฉวา มังรายกะยอฉวาถือเหตุที่ประชาชนมอญและพม่าที่อาศัยตามชายแดนได้วิวาทแย่งชิงน้ำมันดินกันก่อสงครามใหญ่ ในการสงครามมังรายกะยอฉวาไม่อาจเอาชนะมอญ แต่ก็สามารถจับตัวสมิงนครอินทร์ สมิงพระรามและช้างพลายประกายมาศได้ แต่ภายหลังมังรายกะยอฉวาก็ถูกฝ่ายมอญจับและถูกทำพิธีปฐมกรรม หลังจากนั้นสงครามมอญพม่าก็ซาลง ต่อมา จ.ศ. ๗๘๕ พระเจ้ากรุงต้าฉิง เจ้าเมืองจีนได้ยกกองทัพมาทำสงครามกับพม่า โดยท้าให้พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องส่งนายทหารออกไปประลองฝีมือกับกามะนีนายทหารเอกของพระเจ้ากรุงต้าฉิง สมิงพระรามซึ่งถูกจองจำอยู่ในคุกจึงอาสาศึก สมิงพระรามสามารถสังหารกามะนีในสนามประลอง พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องจึงพระราชทานพระธิดาแก่สมิงพระรามและทรงแต่งตั้งสมิงพระรามเป็นอุปราช แต่ท้ายที่สุดสมิงพระรามก็หนีกลับไปยังกรุงหงสาวดี สงครามมอญพม่าในยุคพระเจ้าราชาธิราชกับพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ยุติลง ตราบจนพระเจ้าราชาธิราชและพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องเสด็จสวรรคต ภาคสาม เริ่มต้นในสมัยของพระเจ้าแมงแรฉะวากีกษัตริย์พม่าและตะละนางพระยาท้าวกษัตริย์มอญ พระเจ้าแมงแรฉวากีได้ให้ทหารยกทัพมาซุ่มจับตะละนางพระยาท้าวเมื่อคราวเสด็จไปนมัสการพระเกศธาตุ ณ เมือง ตะเกิง แล้วทรงตั้งตะละนางพระยาไว้ที่พระอัครมเหสี ขนานพระนามว่า แสจาโป ต่อมาพระนางแสจาโปหนีกลับกรุงหงสาวดีได้ด้วยความช่วยเหลือของสามเณรปิฎกธร เมื่อกลับถึงกรุงหงสาวดีพระนางจึงทรงมอบราชสมบัติแก่พระปิฎกธร พระเจ้าหงสาวดีมหาปิฎกธรทรงเป็นกษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถมากทรงได้รับการสรรเสริญจากพระมหากษัตริย์แว่นแคว้นต่างๆ เพราะกษัตริย์พระองค์ใดมาทดสอบพระสติปัญญาก็ทรงชนะได้ด้วยปัญญาเสมอ จึงทรงได้รับพระนามต่าง ๆ ว่า ปัญญาราชบ้าง พระมหาราชาธิบดีบ้าง พระราชาธิบดีบ้าง ในสมัยที่พระเจ้าหงสาวดีมหาปิฎกธรทรงครองราชย์นี้ประชาชนอยู่เย็นเป็ #ราชาธิราชฉบับเจ้าพระยาพระคลังหน #เจ้าพระยาพระคลังหน #อิงการเมือง #พีเรียด #ไทยโบราณ #อิงวรรณคดี
เหลือเวลาอีก22 ชั่วโมง 25 นาที
ศัตรูของเจ้าหล่อน
โปรโมชั่น
e-book
ศัตรูของเจ้าหล่อน

ดอกไม้สด

coin99 Coin15 Coin
เรื่องย่อ ศัตรูของเจ้าหล่อน เป็นนวนิยายเรื่องแรกของดอกไม้สดๆ เป็นนามปากกาของ หม่อมหลวงบุปผา (กุญชร) นิมมานเหมินท์ (17 กุมภาพันธ์ 2448 - 17 มกราคม 2506) ธิดาเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว. หลาน กุญชร) และหม่อมมาลัย เกิด เมื่อวันศุกร์ ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2448 ปีมะเส็ง ที่วังบ้านหม้อ งานเขียนของดอกไม้สดถือได้ว่าเป็นนิยายกึ่งพาฝันกึ่งสมจริง รุ่นบุกเบิก งานส่วนใหญ่ของท่านจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องความรักและการหาคู่ของคนหนุ่มสาว ท่านเป็นนักเขียนรุ่นแรกๆที่ให้ความสำคัญกับตัวละครฝ่ายหญิงมาก ผลงานในระยะแรกของดอกไม้สดจะมีความเป็นโรมานซ์ แต่ในช่วงหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตของท่านในฐานะที่เป็นราชตระกูลที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในวัง นวนิยายของท่านจะมีลักษณะเรียลลิสติกมากขึ้น เช่นเรื่อง ผู้ดี นวนิยายเรื่องศัตรูของเจ้าหล่อน นี้จะทำให้ผู้อ่านเห็นภาพในสมัย พ.ศ. 2432 ได้เป็นอย่างดี (ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ไทยเขษมรายเดือน ระหว่างมิถุนายน - กันยายน พ.ศ. 2472) นวนิยายเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นภาพความขัดแย้งระหว่างสองวัฒนธรรมสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นนวนิยายเกี่ยวกับความรักของคนในสังคมชั้นสูงที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตก เนื่องมาจากทั้งคู่ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตในต่างแดนเพื่อเรียนหนังสือ และตัวละครเอกก็มีความคิดที่จะต่อสู้กับแนวคิดแบบเก่าๆที่ล้าสมัย และดำเนินการประท้วงไปจนกระทั่งพบจุดจบแบบกลับตาลปัตรที่กลายเป็นว่าวัฒนธรรมไทยแบบเดิมๆนั้นกลายเป็นสิ่งดีและปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้หญิง ศัตรูของเจ้าหล่อน นั้น เรื่องมีอยู่ว่าพระเอกโดนคู่หมั้นปฏิเสธเพราะฝ่ายหญิงไม่อยากถูกคลุมถุงชน พระเอกเลยปลอมตัวไปทำงานเป็นผู้ช่วยคุณพ่อนางเอก แล้วพอเจอหน้ากัน พระเอกก็ชอบพูดจิกกัดนางเอกตลอดเวลา นางเอกค่อนข้างงุนงงเพราะเจอหน้ากันครั้งแรกก็มาพูดประชดประชัน ถึงกระนั้นก็ตามนางเอกก็แอบสนใจในตัวพระเอกไม่มากก็น้อย นวนิยายเรื่องนี้สะท้อนค่านิยมอันล้าสมัยของชายหนุ่มยุคนั้นได้เป็นอย่างดี เช่น ทัศนคติของพระเอกที่มองว่านางเอกเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง ดังนั้นหล่อนจะถอนหมั้นไม่ได้ แต่ในความไม่ลงรอยกันก็มีความคล้ายจะโรแมนติกซ่อนอยู่ เช่นฉากที่พระเอกต่อยคนว่าที่มาดูถูกนางเอก อย่างไรก็ตามการวางโครงเรื่องของดอกไม้สด มีความคาดเดาได้ค่อนข้างยาก เพราะพฤติกรรมหรือแนวความคิดของตัวละครมันเกินจะคาดเดา ส่งผลให้นักอ่านมีความสนุกและลุ้นตามกันไป ความสำเร็จของนวนิยายเรื่อง ศัตรูของเจ้าหล่อน เป็นเสมือนบทโหมโรงที่จะทำให้ผู้อ่านมีความสนใจในนวนิยายเรื่องต่อไปของหม่อมหลวงบุปผา นิมมานเหมินทร์ มากขึ้น และทำให้นามปากกา "ดอกไม้สด" มีชื่อเสียงมากพอที่จะทำให้เธอสามารถผลิตนวนิยายออกมาอีกหลายเรื่อง และทุกเรื่องก็ส่งผลให้เธอกลายเป็น นักเขียนนวนิยายสตรีคนแรก และเป็นคนที่ดีที่สุดในบรรดานักเขียนนวนิยายของไทยในเวลาต่อมา #ศัตรูของเจ้าหล่อน #ดอกไม้สด #โรแมนติกคอเมดี้ #รักวัยรุ่น #พีเรียด #ไทยโบราณ
เหลือเวลาอีก22 ชั่วโมง 25 นาที
สุภาษิตเล่าจื๊อ
โปรโมชั่น
e-book
สุภาษิตเล่าจื๊อ

กาญจนาคพันธ์

coin99 Coin7 Coin
หนังสือเล่มนี้เป็นสุภาษิตคำสอนของท่านเล่าจื๊อ เล่าจื๊อ (พินอิน: Lǎo zǐ; อังกฤษ: Lao Zi หรือ Lao Tzu) นักปรัชญาชาวจีนที่มีชื่อเสียงที่สุดท่านหนึ่ง เชื่อกันว่ามีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ ๖ ก่อนคริสต์ศักราช ในช่วงของสงครามปรัชญา และสงครามการเมืองยุคชุนชิว เล่าจื๊อได้เขียนตำราอันเป็นแบบแผนในทางเต๋า นั่นคือ "เต้าเต๋อจิง" (道德經) ซึ่งเป็นวรรณกรรมทางศาสนาเต๋าที่ยังคงตกทอดมาถึงยุคปัจจุบันนี้ เล่าจื๊อเป็นนักปราชญ์ที่เชี่ยวชาญทางเต๋า ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ดาราศาสตร์ ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เรารู้จักเล่าจื๊อ (เหลาจื่อ) น้อยมาก แต่มีพงศาวดารจีนหลายชิ้นที่กล่าวถึงเล่าจื๊อ ในฐานะที่เป็นผู้แต่งคัมภีร์ เต๋าเต็กเก็ง หรือ เต้าเต๋อจิง ซึ่งเนื้อหาในคัมภีร์นี้ มีความสำคัญกับวัฒนธรรมจีนในรุ่นต่อๆมาอย่างมาก ถือได้ว่าเทียบเท่าได้กับ ขงจื๊อ ตามพงศาวดารระบุไว้ว่า เล่าจื๊อ เกิดในแคว้นขู่ (苦縣) ซึ่งในปัจจุบันคือบริเวณ อำเภอลู่อี้ (鹿邑) ของมณฑลเหอหนาน บางตำนานกล่าวไว้ว่าเล่าจื๊อเมื่อเกิดมามีผมสีขาว และอยู่ในครรภ์มารดานานถึง ๘ ทศวรรษ หรือ ๘๐ ปี ชื่อของเล่าจื๊อแปลโดยนัยได้ ๒ แบบว่า "อาจารย์ผู้อาวุโส" หรือ "เด็กผู้อาวุโส" เกิดที่หมู่บ้าน ชีเหยินลี อำเภอขู่เสี้ยน แคว้นฉู่ เมื่อวันที่ ๑๕ เดือนยี่ ก่อน ค.ศ.ราว ๕๗๖ ปี (ก่อน พ.ศ. ๓๓ ปี) จากพงศาวดารของซือหม่า เชียน กล่าวว่า เล่าจื๊อมีอายุมากกว่าขงจื๊อ แต่อยู่ในยุคสมัยเดียวกัน และเคยได้พบปะเสวนากัน เล่าจื๊อได้ทำงานในราชวงศ์โจว ขงจื๊อและเล่าจื๊อได้มาพบเจอโดยบังเอิญกันในแคว้นโจว (ปัจจุบันคือแถบเมืองลั่วหยาง) โดยขงจื๊อได้มาค้นหาตำราในห้องสมุด จากเรื่องเล่านี้ ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนทรรศนะคติความเห็นในหลาย ๆ ด้าน เป็นเวลาหลายเดือน หลังจากการเสวนาในครั้งนี้ ขงจื๊อกล่าวว่า "การได้เสวนากับท่านเล่าจื๊อ ถือว่าเป็นการศึกษาที่ล้ำลึก และดีเยี่ยมกว่าหนังสือในห้องสมุดเสียอีก" ผลงานที่สำคัญที่สุดของเล่าจื๊อคือ "คัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง หรือ เต้าเต๋อจิง" เป็นคัมภีร์ที่มีอักษรจีน ๕,๐๐๐ อักษร ซึ่งมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมของประเทศจีนอย่างมาก โดยภายในคัมภีร์นั้น มีเนื้อหาในด้านปรัชญาบุคคล ความกลมกลืนต่อการใช้ชีวิตกับธรรมชาติ จนไปถึงปรัชญาการเมือง จากการตีความ คำว่า "เต๋า" ในคัมภีร์ มักจะหมายถึง มรรค หรือ หนทาง (The way) หรือ ธรรม ซึ่งมีความหมายกว้าง ๆ และมักตีความหมายในแนวเป็นไปตามธรรมชาติ การกระทำที่สอดคล้องกับวิถีแห่งเต๋าใด ๆ จะสามารถบรรลุมรรคผลได้โดยง่าย เล่าจื๊อเชื่อว่า ควรหลีกเลี่ยงความรุนแรงต่าง ๆ เท่าที่จะเป็นไปได้ ส่วนคำว่า "เต็ก หรือ เต๋อ" นั้นหมายถึง "คุณธรรม" คัมภีร์นี้แบ่งออกเป็น ๘๑ บทด้วยกัน ถึงแม้ว่าเล่าจื๊อจะไม่ได้ปลูกฝังวัฒนธรรมหยั่งลึกได้เทียบเท่ากับ ขงจื๊อ ในอารยธรรมจีน แต่ท่านก็ยังเป็นที่เคารพนับถือโดยทั่วไป แม้แต่ขงจื๊อยังเรียกท่านว่าอาจารย์ทั้งแนวความคิดและการปฏิบัติตามหนทางแห่งเต๋า ผู้ติดตามเล่าจื้อที่มีชื่อเสียงที่สุดคือจวงจื๊อ (Zhuang Zi) ได้เขียนตำราที่มีอิทธิพลต่อวงการวรรณกรรมของจีนมาก โดยให้ข้อคิดเกี่ยวกับ ปัจเจกนิยม, วิมุตติ และ ความปราศจากกังวล #สุภาษิตเล่าจื๊อ #กาญจนาคพันธ์ #เพื่อชีวิต #เสียดสีสังคม #อิงศาสนา
เหลือเวลาอีก22 ชั่วโมง 25 นาที
แสนแสบ
โปรโมชั่น
e-book
แสนแสบ

ไม้เมืองเดิม (ก้าน พึ่งบุญ ณ อยุธยา)

coin99 Coin15 Coin
"แสนแสบ"เป็นบทประพันธ์ของ ไม้เมืองเดิม โดยได้รับการ ยกย่องจากบรรดานักอ่านว่าเป็นบทประพันธ์ดีเยี่ยมไม่ต่างจากเรื่องแผลเก่าหรือขวัญเรียม ลีลาการเขียนอันถนัดของเขาคือ นิยายชีวิตประทับใจในชนบท สำนวนโวหารคมคาย และเค้าโครงเรื่องที่น่าอ่าน ตื่นเต้น เร้าใจ ชวนให้ติดตาม จึงเป็นที่นิยมชมชอบของผู้อ่านมาจนทุกวันนี้ แสบแสนเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของ ไอ้แผลง หนุ่มทุ่งบางกะปิผู้มีหัวใจรักให้นางโปรย สาวบ้านใกล้เรือนเคียง นางโปรยเป็นลูกสาวกำนัน หน้าตาสะสวย มีหนุ่มแวะเวียนขายขนมจีบมากหน้าหลายตาจนหัวกระไดบ้านไม่แห้ง แต่นางโปรยหาได้สมัครรักใคร่กับชายใด นอกจากมอบหัวใจให้ไอ้แผลง ชายหนุ่มนักเลงที่อาศัยอยู่กับครอบครัวของลุง ภายนอกดูเหมือนไอ้แผลงไม่ได้มีสมบัติพัสฐานอะไร หากแต่ในความเป็นจริงแล้วแผลงเป็นเจ้าของที่นา๓๐ไร่ซึ่งรับมรดกมาจากพ่อที่ตายไปแล้ว แต่ลุงยังโยกโย้ไม่โอนให้เป็นกรรมสิทธิ์ของแผลงเสียทีแผลงได้แต่รอเวลา อีกทั้งยังเคยคิดถึงขั้นฟ้องร้องเพื่อเรียกคืนที่นาแต่ยังไม่ทันที่แผลงจะทำการใดลงไป ลุงก็ออกอุบายลวงให้ไอ้แผลงไปซื้อควายที่บางกอกแล้วจ้างวานคนไปฆ่า ครั้นไม่สำเร็จลุงก็ใส่ความว่าแผลงขโมยเงินก่อนหนีไปบางกอกแล้วปล้นควายชาวบ้านจนถึงทำร้ายร่างกายคนอื่นโดยที่นายแผลงไม่มีหนทางแก้ตัวใดๆ จึงจำใจต้องหลบซ่อนตัวด้วยข้อหาที่เขาไม่ได้เป็นผู้ก่อส่วนนางโปรยก็ลืมคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ต่อเจ้าพ่อขวัญและเจ้าแม่เรียม ไปยอมรับหมั้นชายอื่นจนทำให้แผลงถึงกับอกตรม เรื่องนี้จะจบลงเช่นไรโปรดติดหาความจริงจากในเรื่องจึงจะสมบูรณ์ยิ่ง เรื่องราวความรักของทั้งคู่ มีความหมองหมองหม่นดั่งสีน้ำของคลองแสนแสบ ความเจ็บปวดของนายแผลงแสบแสนเกินจะทน หาต่างจากชื่อคลองไม่ นวนิยายเรื่องแสนแสบเป็นคนละเรื่องแผลเก่า(ขวัญเรียม)เพียงแต่เกิดเหตุเกิดที่เดียวกันเท่านั้น โดยแสนแสบมีการพาดพิงถึงขวัญกับเรียมว่าขวัญและเรียมกลายเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่เฝ้าคุ้งน้ำ มีศาลเพียงตาให้คน บนบานกล่าวคำมั่นสาบานรัก ทั้ง ๒ เรื่องมีความเหมือนอยู่อย่าง คือ ฝ่ายชายมีความรักคงมั่นหากแต่ฝ่ายหญิงเจอพิษบางกอกพรางตาให้หัวใจรักไขว้เขวไปบ้าง อย่างไรก็ตามแสนแสบมีบทสรุปแฮปปี้ ไม่สลดดั่งเรื่อง "แผลเก่า" #แสนแสบ #ไม้เมืองเดิม #ก้านพึ่งบุญณอยุธยา #รักสามเส้า #ดราม่า #รักต้องห้าม
เหลือเวลาอีก1 วัน
ไซ่ฮั่น มหาสงครามล้างปฐพี
โปรโมชั่น
e-book
ไซ่ฮั่น มหาสงครามล้างปฐพี

เจินเหว่ย (甄伟)

coin99 Coin25 Coin
เรื่องไซ่ฮั่น ผู้เรียบเรียงขอเรียกว่า สงครามฉู่ฮั่น (楚漢戰爭) เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่แพร่หลายมากเรื่องหนึ่งของจีน ชื่อเต็มว่า "ซีฮั่นทงสูเอี่ยนอี้" ไซ่ฮั่น นั้นหมายถึง ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ซึ่งราชวงศ์ฮั่นแบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรกเรียก ไซ่ฮั่น คือ ฮั่นตะวันตก ช่วงท้ายเรียกว่า ตั้งฮั่น คือ ฮั่นตะวันออก เจินเหว่ย (甄伟 zhen wei) เป็นผู้แต่งนิยายเรื่องนี้ ในสมัยราชวงศ์หมิง (พ.ศ. ๑๙๑๑๒๑๘๗) สันนิษฐานว่าเขาน่าจะเป็นคนรุ่นหลัง ล่อกวนตง (หลอกว้านจง) ผู้แต่งเรื่องวรรณกรรมก้องโลกอย่างสามก๊ก ต้นฉบับเรื่องไซ่ฮั่นฉบับเก่าแก่ที่สุดที่พบ พิมพ์จากแม่พิมพ์ไม้ ในรัชสมัยว่านลี่ ปีที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๑๕๕) ซึ่งเป็นฉบับที่แพร่หลายที่สุดแบ่งเป็นหนึ่งร้อยเอ็ดตอน เจินเหว่ยนำนิทานเรื่อง "หลีเฮาประหารฮั่นสิน" มาเทียบกับพงศาวดารช่วงปลายราชวงศ์โจวถึงต้นราชวงศ์ฮั่น แล้วนำมาขยายความ แก้ไขส่วนที่คลาดเคลื่อนให้สอดคล้องกับประวัติศาสตร์มากยิ่งขึ้น แต่มีความสนุกสนานชวนอ่านชวนติดตามแบบฉบับนิยายอย่างสมบูรณ์ เรื่องไซ่ฮั่นจึงเป็นนิยายที่เนื้อเรื่องตรงกับประวัติศาสตร์มากยิ่งกว่าวรรณกรรมเรื่องสามก๊ก โดยไซ่ฮั่นเน้นเหตุการณ์สำคัญตอนเล่าปัง ทำศึกแย่งชิงอำนาจกับ ห้างอี๋หรือฌ้อปาอ๋อง จนสถาปนาราชวงศ์ฮั่นใต้ #ไซ่ฮั่นมหาสงครามล้างปฐพี #เจินเหว่ย甄伟 #อิงประวัติศาสตร์ #อิงการเมือง #แปลจีน
เหลือเวลาอีก1 วัน
ศึกชิงบัลลังก์"ตั้งฮั่น"
โปรโมชั่น
e-book
ศึกชิงบัลลังก์"ตั้งฮั่น"

เซี่ยเจ้า (谢诏)

coin99 Coin25 Coin
"ศึกชิงบัลลังก์ตั้งฮั่น"เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่น นับแต่หวังหมั่ง ถอดถอนหยูจื่ออิง (孺子婴)ยุวกษัตริย์องค์สุดท้ายในราชวงศ์ฮั่นตะวันตก หวังหมั่งหรืออองมันตั้งตนเป็นใหญ่ โดยจัดระเบียบการปกครองใหม่และก่อตั้งราชวงศ์ซิน (新朝) ขึ้น แต่ความล้มเหลวของระเบียบใหม่สร้างกระแสต่อต้านจากประชาชน เกิดเป็นกบฏชาวนาในพื้นที่ต่าง ๆ อาทิ กองกำลังคิ้วแดง (赤眉军)ที่นำโดยฝานฉง(樊崇)จากแถบซานตง และกองกำลังลี่ว์หลิน (绿林军)ซึ่งนำโดยหลิวซิ่วจากหูเป่ย หลิวซิ่วเป็นหลานรุ่นที่ ๙ ของฮ่องเต้เกาจู่แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก โดยในบรรดากองกำลังเหล่านี้ ถือว่ากองทัพของหลิวซิ่วมีกำลังกล้าแข็งที่สุด ภายหลังการศึกที่คุนหยัง ชัยชนะอย่างเด็ดขาดของ กองกำลังลี่ว์หลินต่อกองทัพราชวงศ์ใหม่ ทำให้หลิวซิ่วถือเป็นโอกาสเข้ากลืนขุมกำลังติดอาวุธขนาดเล็กทางตอนเหนือ ขยายฐานกำลังไปยังเหอเป่ย ซึ่งเป็นดินแดนทางภาคเหนือของจีนในปัจจุบัน เมื่อถึงกลางปีคริสตศักราช ๒๕ หลิวซิ่วก็ตั้งตัวขึ้นเป็นฮ่องเต้ครองดินแดนเหอเป่ย ภายใต้สมญานามว่า กวงอู่ตี้ (光武帝)และใช้ชื่อราชวงศ์ฮั่นตามเดิม โดยทางประวัติศาสตร์ได้แบ่งยุคนี้เป็นฮั่นตะวันออก เนื่องจากนครหลวงตั้งอยู่ที่เมืองลั่วหยัง ภารกิจแรกของกวงอู่ตี้คือการปราบกองกำลังคิ้วแดงที่กำลังปิดล้อมเมืองฉางอัน เมื่อถึงปีรัชสมัยที่ ๑๒ ก็สามารถปราบก๊กของกงซุนซู่ในเสฉวนลงอย่างราบคาบ รวมประเทศจีนกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง จากนั้นตามมาด้วยประกาศปลดปล่อยแรงงานทาส ซึ่งถือเป็นการปลดปล่อยแรงงานการผลิตครั้งใหญ่ นอกจากนี้ ยังซ่อมสร้างการชลประทานทั่วประเทศ รื้อฟื้นภาคการเกษตรให้กลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลิวซิ่ว(ฮั่นกวงอู่ตี้) มีประโยคทอง คือ "ถ้าเป็นขุนนางขอเป็นขุนนางใหญ่ ถ้าแต่งเมียขอให้ได้เมียงาม" หลิวซื่วทํานาเก่ง ตั้งแต่เล็กชอบงานในนาก้มหน้าก้มตาทำนาทุกวัน ปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันตกบ้านเมืองระส่ำระสาย หลิ่วเหยี่ยนพี่ชายของหลิ่วซิ่ว เป็นคนชอบเสี่ยง เขาพูดกับหลิวซิ่วว่า "ทํานาจะเงยหน้าอ้าปากได้หรือคนเราต้องมีปณิธานควรออกจากบ้านไปทำการใหญ่ให้สะท้านฟ้าสะเทือนดิน" หลิ่วซิ่วขุดดินพลางพูดว่า "ต้องให้ท้องอิ่มก่อนค่อยนึกถึงปณิธาน" ปณิธานเพราะนึกถึงก็บังเกิด วันหนึ่งหลิวซิ่วไปซื้อเมล็ดพันธุ์ในเมืองได้ยินเสียงฆ้องกลองดังกึกก้องเห็นเกี่ยว ลายดอกหลายหลังเข้ามาในตลาดเกี้ยวหลังหนึ่ง ในนั้นมีสาวน้อยกำลังชมตลาด หลิวซิ่วเห็นก็ต้องใจนางมีรูปโฉมงดงาม หลิวซิ่ว จ้องมองจนเพลิน เกี้ยวผ่านไปตั้งนานเขาจึงได้สติรีบไปสืบถาม มีคนบอกว่านางชื่อ อินลี่หัว เป็นบุปผาประจำเมืองหนานหยางของเรา สกุลอินเป็นสกุลสูงศักดิ์ของหนานหยาง ฮ่องเต้ในฉางอานเจ้าอาจไม่รู้จัก แต่เจ้าต้องรู้จักสกุลอิน สกุลอินมีทรัพย์สมบัติมหาศาล มีเงินเก็บนับไม่ถ้วนมีกิจการทั่วเมืองเมล็ดพันธุ์ที่เจ้าซื้อก็น่าจะเป็นกิจกรรมหนึ่งของสกุลอิน ว่ากันว่าบรรพบุรุษของสกุลอินคือก่วนจ้ง ที่ค้ำชูฉีเหิงกงเป็นเจ้าครองแคว้น หลิวซิ่วไม่สนใจซื้อเมล็ดพันธุ์แล้ว เขาวิ่งกลับไปที่บ้านอย่างตื่นเต้นบอกทุกคนว่า ถ้ามีปณิธานแล้วปณิธานของข้าถ้าเป็นขุนนางขอเป็นขุนนางใหญ่ ถ้าแต่งเมียขอให้ได้เมียงามอย่างอินลี่หัว ขุนนางใหญ่ที่ หลิวซิ่วนึกออกในตอนนั้นคือผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์เฉพาะก่อนหน้านี้หลิวซิ่วเคยไปฉางอานเพื่อศึกษาการทำนา เคยเห็นผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์เคลื่อนพลมีการตีฆ้องเปิดทางดูสง่างามน่าเกรงขามน่าอิจฉา แต่ตอนนั้นเขาไม่เคยคิดอยากเป็นผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์ วันนี้พอเห็นหน้าสาวงามเขาจึงนึกขึ้นได้ปณิธานในชีวิตก็ผุดขึ้นมาทันที หลิวเหยี่ยนผู้พี่ย้อนถามถ้าเจ้ายังทำนาอยู่อย่างนี้ปณิธานจะเป็นจริงได้อย่างไร แต่โบราณมาไม่เคยมีคนทำนาที่ได้เป็นขุนนางใหญ่ได้เมียงาม หลิ่วซิ่วถามถ้าควรทำอย่างไรปณิธานของข้าจึงจะเป็นจริง หลิวเหยี่ยนชูกำปั้นขึ้นโบกไปมาลุกขึ้นมาสู้ฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น หลิวซิ่วไม่ชอบความรุนแรงแต่เขาไม่อาจลบภาพของสาวงามอินลี่หัวออกจากสมอง ถ้าไม่ได้นางมาอยู่เป็นคู่ชีวิตเขาขอตายเพื่อจะได้รีบกลับมาเกิดใหม่ ปณิธานเป็นพลังมหัศจรรย์ ทำให้คนๆหนึ่งเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เวลานั้นหวังหม่างกุมบัลลังก์ พี่น้องสกุลหลิวเริ่มรวบรวมกำลังคนและม้าที่หนานหยาง เตรียมบุกไปฉางอานเมืองหลวงเพื่อทำตามปณิธานฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น กองทหารหน่วยนี้มีนายทหารชั้นสูง ๒ นายซึ่งเป็นที่ใช้ของอินลี่หัว หลังจากที่คบหาสมาคมกันนานเข้าพี่ชายทั้งสองของสกุลอินจึงเห็นว่า หลิวซิ่วเป็นคนมีอนาคตไกลเพื่อการลงทุนเร็วผลกำไรมากทั้งสองจึงถือโอกาสแนะนำน้องสาวให้หลิวซิ่ว หลิวซิ่วแต่งงานกับอินลี่หัวทันที ปีคริสต์ศักราช ๒๕หลิวซิ่ว ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ สถาปนาราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ในเวลาต่อมาอินลี่หัวเป็นฮองเฮา หลิวซิ่วได้ทำตามปณิธานที่เคยตั้งไว้และยังทำได้มากกว่านั้น #ศึกชิงบัลลังก์ตั้งฮั่น #เซี่ยเจ้า谢诏 #อิงประวัติศาสตร์ #อิงการเมือง #แปลจีน
เหลือเวลาอีก1 วัน
Thong In ยอดนักสืบ
โปรโมชั่น
e-book
Thong In ยอดนักสืบ

นายเเก้ว นายขวัญ (รัชกาลที่ 6 )

coin99 Coin25 Coin
นิทานทองอิน ผู้แต่งใช้นามปากกาว่า "นายแก้ว นายขวัญ"ซึ่งเป็นพระนามแฝงของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖เนื้อเรื่องมีลักษณะเป็นเรื่องสั้น เป็นเรื่องประเภทสืบสวนสอบสวน โดยมีตัวละครเอกเป็นนักสืบเหมือน "เชอร์ลอกโฮลมส์" นิทานทองอิน มีนายทองอินเป็นตัวละครเอกรับงานราชการลับที่เรียกว่า "พลตระเวนลับ" คอยสืบข่าวต่าง ๆ ให้ทางราชการ นิทานทองอิน มีทั้งหมด ๑๕ ตอน #ThongInยอดนักสืบ #นายเเก้วนายขวัญรัชกาลที่6 #สืบสวนสอบสวน #ย้อนยุค #รวมเรื่องสั้น
เหลือเวลาอีก1 วัน
แผลเก่า ตำนานรักขวัญเรียม
โปรโมชั่น
e-book
แผลเก่า ตำนานรักขวัญเรียม

ไม้เมืองเดิม (ก้าน พึ่งบุญ ณ อยุธยา)

coin99 Coin25 Coin
แผลเก่า เป็นผลงานประพันธ์เรื่องแรกของ ไม้ เมืองเดิม ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๙ สร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๓ และครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๘๙ ต่อมา เชิด ทรงศรี นำกลับมาสร้างภาพยนตร์อีกครั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๐ ทำสถิติรายได้สูงสุดเมื่อออกฉายครั้งแรก ลบสถิติภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เข้าฉายในเวลานั้นทั้งไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังได้รางวัลชนะเลิศจากงานประกวดภาพยนตร์ ณ เมืองน็องต์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นฉบับที่มีชื่อเสียงที่สุด เคยสร้างเป็นละครโทรทัศน์และภาพยนตร์หลายครั้ง ครั้งล่าสุดเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ขวัญเป็นลูกชายนายเขียน ผู้ใหญ่บ้านบางกะปิ เรียมเป็นลูกสาวตาเรือง อยู่คลองแสนแสบ เรียมมีพี่ชายชื่อ เริญ น้องชายชื่อ รอด ตาเรืองแพ้คดีรุกที่นาที่ผู้ใหญ่เขียนฟ้องร้อง จึงเป็นอริกับผู้ใหญ่เขียนเสมอมา แต่ขวัญกับเรียมรักกัน และแอบไปมาหาสู่เพื่อแสดงความรักกันตลอดมา ขวัญสาบานต่อเจ้าพ่อไทรว่า จะรักและซื่อตรงต่อเรียมตลอดไป ขณะนั้น ครอบครัวเรียมตามมาพบ จึงจับเรียมกลับไป ล่ามเรียมไว้ไม่ให้ไปพบกับขวัญอีก ขวัญซึ่งคิดถึงเรียมก็ลักลอบมาหา ได้พบและทำร้ายจ้อย นักเลงซึ่งสนิทกับครอบครัวเรียมและหลงรักเรียมอยู่ ตาเรืองเห็นว่า จะห้ามปรามขวัญกับเรียมไม่ได้ จึงขายเรียมให้ไปเป็นคนใช้คุณนายทองคำ เศรษฐินีม่ายในบางกอก ด้วยราคาหนึ่งร้อยบาท คุณนายทองคำเห็นเรียมหน้าตาน่ารักและละม้ายโฉมยง บุตรสาวที่เพิ่งตาย จึงเอ็นดูและเลี้ยงเรียมเหมือนลูก เรียมจึงมีชีวิตเหมือนผู้ดีอยู่ในบางกอก เรียมยังได้พบสมชาย ลูกของพี่ชายคุณนายทองคำ ซึ่งเป็นคนรักของโฉมยง สมชายก็เหมือนคุณนายทองคำที่เมื่อเห็นเรียมก็รักใคร่ คุณนายเห็นทั้งสองสมน้ำสมเนื้อกันก็ส่งเสริม แต่เรียมยังคงรักขวัญอยู่ สามปีผ่านไป ขวัญซึ่งไร้เรียมใช้ชีวิตเหมือนรอวันตายไปวัน ๆ เข้าใจว่า เรียมไปได้ดีในบางกอกจนลืมคนเคยรักคนนี้เสียแล้ว เวลานั้น นางรวย แม่ของเรียมป่วย เรียมจึงขออนุญาตคุณนายกลับบ้านเดิมเพื่อมาเยี่ยมไข้ นางรวยเมื่อลูกสาวมาหาได้ไม่นานก็สิ้นใจ เมื่อกลับมาแล้ว เรียมได้พบกับขวัญ และแสดงให้เขาเข้าใจว่า ยังรักกันไม่เสื่อมคลาย หลังเสร็จงานศพนางรวย สมชายมาตามเรียมกลับบางกอก เพราะคุณนายทองคำล้มป่วยลงเช่นกัน เรียมสองจิตสองใจ ใจหนึ่ง ไม่อยากกลับเพราะรักขวัญ ใจหนึ่งก็คิดถึงอนาคตอันรุ่งโรจน์ที่บางกอก ขณะนั้น สมชายก็พร่ำพลอดรักเรียม ขวัญแอบมาได้ยินก็โกรธจนบ้าคลั่ง เข้าทำลายเรือที่คนทั้งนั้นจะใช้ไปบางกอก ผู้คนจึงออกติดตามจับขวัญ สมชายใช้ปืนยิงขวัญตาย เรียมจึงคว้ามีดของขวัญมาเชือดคอตัวเองตายตามขวัญไป #แผลเก่าตำนานรักขวัญเรียม #ไม้เมืองเดิม #ก้านพึ่งบุญณอยุธยา #พีเรียด #ไทยโบราณ #รักต้องห้าม #ย้อนยุค
เหลือเวลาอีก1 วัน
ฮ่องสิน สงครามเทพเจ้า
โปรโมชั่น
e-book
ฮ่องสิน สงครามเทพเจ้า

สฺวี่ จ้งหลิน (許仲琳)

coin99 Coin30 Coin
ฮ่องสิน หรือ เฟิงเฉิน แปลตรงตัวว่า สถาปนาเทวดา (Investiture of Gods) เป็นนิยายจีนซึ่งประพันธ์ขึ้นในช่วงราชวงศ์หมิง มีทั้งสิ้นหนึ่งร้อยตอน จัดพิมพ์ครั้งแรกราวทศวรรษที่ ๑๕๕๐ และจัดอยู่ในประเภทนิยายภูตผีปีศาจ (神魔小說; gods and demons fiction) นักประวัติศาสตร์และนักวิชาการลงความเห็นว่า ผู้เขียนนิยายนี้ คือ สฺวี่ จ้งหลิน (許仲琳) ซึ่งเขียนทั้งสิ้น ๑๐๐ ตอน สำหรับในประเทศไทย เรื่องฮ่องสิน สันนิษฐานว่า แปลเมื่อรัชกาลที่ ๒ เป็นหนังสือสี่สิบสามเล่มสมุดไทย โรงพิมพ์หมอบรัดเลพิมพ์ครั้งแรกในรัชกาลที่ ๕ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๙ เป็นสมุดสองเล่ม โดยคณะผู้แปลและเรียบเรียง ได้ แก่ กรมหมื่นนเรศโยธี เจ้าพระยายมราช เจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ พระยาฎึกราชเศรษฐี พระทองสื่อ จมื่นไวยวรนาท หลวงลิขิตปรีชา หลวงวิเชียรปรีชา หลวงญาณปรีชา ขุนมหาสิทธิโวหาร นายจ่าเรศ นายเล่ห์อาวุธเป็นผู้แปล ในปีพ.ศ. ๒๓๖๒ ซึ่งแปลพร้อมกับวรรณกรรมแปลพงศาวดารจีนเรื่องเลียดก๊ก ฮ่องสินนี้มีอิทธิพลต่อวรรณกรรมไทยประเภทนิทานเรื่องหนึ่ง คือโกมินทร์กุมาร คาดว่าผู้แต่งได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมแปลพงศาวดารจีนเรื่องฮ่องสิน เพราะบทบาทของนาจา รวมทั้งตัวละครประกอบอื่น ๆ ที่มีความสัมพันธ์กับนาจาที่เป็นทั้งมิตรและศัตรูมีบทบาทคล้ายคลึงกับ บทบาทของโกมินทร์รวมทั้งตัวละครประกอบอื่น ๆ ที่มีความสัมพันธ์กับโกมินทร์ โดยคาดว่าผู้แต่งน่าจะแต่งขึ้นภายหลังยุครัชกาลที่ ๕ ขึ้นครองราชย์เนื่องจากตั้งแต่รัชสมัยรัชกาลที่ ๕-๗ เป็นระยะเวลาที่มีผู้นิยมแต่งนิทานหลายประเภท และเป็นยุคที่วงการสำนักพิมพ์ในประเทศไทยกำลังเฟื่องฟูซึ่งเนื้อเรื่องของฮ่องสิน เล่าถึง พระเจ้าโจ้ว แห่งราชวงศ์ซาง เสด็จไปไหว้นางฟ้านฺหวี่วา (หนี่วา) ที่วัด ทรงเห็นรูปสลักนางงดงาม ก็เขียนโคลงแสดงความกำหนัดที่มีต่อนางไว้บนฝาวัด นางฟ้าจึงส่งปิศาจจิ้งจอก (ฉบับแปลไทยว่า เสือปลา) ผีไก่ฟ้าเก้าหัว (แปลไทยว่า ไก่เก้าหัว) และภูตพิณหยก (ฉบับแปลไทยว่า กระจับปี่) มาล่อลวงพระเจ้าโจ้วให้ถึงแก่ความวิบัติ ปิศาจจิ้งจอกได้มาสิงร่างหญิงสาวชื่อ ต๋าจี่ (ขันกี) หนึ่งคืนก่อนที่บิดาจะพานางเข้าถวายตัว นางต๋าจี่ทำให้พระเจ้าโจ้วลุ่มหลงจนละเลยราชการ และบริหารบ้านเมืองอย่างโฉดเขลา ไพร่ฟ้าจึงก่นด่าทั้งแผ่นดิน ข้าราชการผู้ใดว่ากล่าวทัดทานพระองค์ ก็โปรดให้ลงโทษถึงตายด้วยวิธีต่าง ๆ ตามคำนางต๋าจี่ เช่น ให้สร้างเสาทองแดง เอาถ่านสุมจนเสาร้อน แล้วเอาข้าราชการล่ามโซ่ไปนาบเสาจนตาย กลิ่นศพตระหลบไปทั้งวัง และยังให้ขุดเหวหน้าพระที่นั่ง เอางูมาใส่จนเต็ม แล้วโยนข้าราชการลงไปให้งูกิน แม้พระอัครมเหสีเจียง (เกียง) ก็ถูกนางต๋าจี๋ยุยงให้ลงโทษควักลูกตารีดเอาคำสารภาพว่าเป็นกบฏ พระนางไม่ยอมรับ ก็โปรดให้เอานาบเสาทองแดง แต่พระนางสิ้นพระชนม์เสียก่อนครั้งหนึ่ง พระเจ้าโจ้วพิโรธจี ชาง (กีเซียง) เจ้าเมืองขึ้นเมืองหนึ่ง พระเจ้าโจ้วจึงสั่งขังจี ชาง ไว้ที่เมืองโหยวหลี่ ต่อมา ปั๋ว อี้เข่า (เปกอิบโค้) ลูกชายหัวปีของจี ชาง มาทูลขอให้ปล่อยบิดา นางต๋าจี่เห็นปั๋ว อี้เข่า รูปงาม ก็มีใจปฏิพัทธ์ และขอให้พระเจ้าโจ้วให้เขาเข้าวังมาสอนนางเล่นพิณกู่ฉิน แล้วนางก็ยั่วยวนปั๋ว อี้เข่า แต่เขาบอกปัดความรักของนาง นางจึงทูลยุยงพระเจ้าแผ่นดินให้สั่งประหารเขา แล้วให้เอาศพไปทำขนมเปี๊ยะให้จี ชาง กิน จี ชาง ทราบเหตุการณ์ทั้งหมดดี แต่จำยอมบริโภคขนมเปี๊ยะนั้นเพื่อรอวันล้างแค้นภายหน้า ต่อมา พระเจ้าโจ้วโปรดให้จี ชาง พ้นโทษ จี ชาง จึงลักลอบซ่องสุมกำลังพลเพื่อโค่นล้มพระเจ้าโจ้ว เวลานั้น บัณฑิตคนหนึ่งชื่อ เจียง จื่อหยา (เกียงจูแหย) เป็นศิษย์ของนักพรตที่เรียกตนว่า บรรพเทวกษัตริย์ ร่ำลาอาจารย์มาตามหาเจ้านายที่แท้จริง วิธีตามหาของเขา คือ นั่งอยู่เหนือน้ำราวสามฟุต แล้วหย่อนเบ็ดลงไปในน้ำโดยไม่ใส่เหยื่อ ชาวบ้านชาวช่องเห็นก็แปลกใจจึงพากันมาถามไถ่ เขาว่า เขามิได้กำลังตกปลา แต่กำลังตกราชาและผู้กล้าทั้งหลาย เรื่องราวของเขาร่ำลือไปถึงจี ชาง จี ชาง ฟังแล้วก็สนใจ จึงแวะเวียนมาหาเจียง จื่อหยา และขอให้เขามาร่วมก่อการ เจียง จื่อหยา ขอให้จี ชาง ช่วยเขาเข็นเกวียนก่อน จี ชาง ก็ช่วยเข็นไปได้แปดร้อยก้าว เจียง จื่อหยา ก็ทำนายว่า จี ชาง จะได้ตั้งราชวงศ์ใหม่ และราชวงศ์นี้จะยืนยาวไปแปดร้อยปี เจียง จื่อหยา ตกลงมาเป็นที่ปรึกษาให้จี ชาง จี ชาง ก็เปิดศึกกับพระเจ้าโจ้วเต็มตัว แต่จี ชาง สิ้นลมก่อนการสำเร็จ จี ฟา (กีฮวด) บุตรคนรองของเขา จึงสานต่อเจียง จื่อหยา ใช้กระดูกเสี่ยงทายว่า ข้าราชการคนสำคัญของพระเจ้าโจ้วกำลังสิ้นไป หนึ่งในนั้น คือ ปี่ กั้น (ปิกัน) เจียง จื่อหยา ได้พบและมอบเครื่องรางให้ปี่ กั้น ไว้คุ้มภัย พร้อมกับให้คำแนะนำบางอย่างไว้ อย่างไรก็ดี คืนหนึ่ง เทวดาหลายองค์มาร่วมโต๊ะเสวยกับพระเจ้าโจ้ว ปี่ กั้น เห็นผิดสังเกตและทราบว่า เป็นปิศาจจิ้งจอกแปลงมา ปี่ กั้น ก็รอให้ปิศาจเหล่านั้นกลับรัง ก่อนสั่งให้ทหารฆ่าทิ้งเสียให้หมด ปี่ กั้น นำขนจิ้งจอกมาทำภูษาถวายพระเจ้าโจ้ว นางต๋าจี่เห็นขนของเพื่อนปิศาจจิ้งจอกก็แค้นใจ นางจึงทูลพระเจ้าแผ่นดินว่า นางมีโรคหัวใจซึ่งรักษาได้ก็แต่โดยการบริโภค "หัวใจพิสุทธิ์เจ็ดห้อง" (ฉบับแปลไทยว่า ตับมังกร) และปี่ กั้น ซึ่งผู้คนนับถือกันเสมือนพ่อพระ มีหัวใจเช่นนั้น พระเจ้าโจ้วจึงเรียกให้ปี่ กั้น แสดงความจงรักภักดี ปี่ กั้น ได้ฟังก็รำลึกถึงคำแนะนำของเจียง จื่อหยา ก็กลืนเครื่องรางนั้นลงท้อง แล้วควักหัวใจตนเองออกมาถวาย โลหิตไม่หยาดสักหยด และปี่ กั้น มิได้เป็นอันตรายอย่างใดเลย ครั้นแล้ว ปี่ กั้น ก็เดินออกจากวัง เจียง จื่อหยา ห้ามปี่ กั้น เหลียวหลังกลับไปมองอีกจนกว่าจะถึงบ้าน จึงจะรอดชีวิต ขณะที่ใกล้จะถึงบ้านอยู่แล้วนั้นเอง แม่ค้าคนหนึ่งร้องว่า มีกะหล่ำไร้หัวใจมาขาย ปี่ กั้น ได้ฟังก็ฉงน จึงหันไปดูแล้วถามว่า กะหล่ำไร้หัวใจคืออะไร หญิงนั้นก็ตอบว่า กะหล่ำไร้หัวใจก็เหมือนคนไร้หัวใจ กะหล่ำอยู่ไม่ได้ถ้าไร้หัวใจฉันใด คนก็อยู่ไม่ได้ถ้าไร้หัวใจฉันนั้น พอหญิงแม่ค้าพูดจบ ปี่ กั้น ก็ล้มลงตาย หญิงนั้นก็คืนร่างเดิม คือ ภูตพิณหยกเนื้อหาต่อมาพรรณนาสงครามระหว่างฝ่ายทั้งสองซึ่งมีการเรียกเทวดาตลอดจนภูตผีปิศาจมาช่วยรบ ในการนี้ บรรพเทวกษัตริย์ อาจารย์ของเจียง จื่อหยา ได้มอบบัญชีเทวดามาให้เจียง จื่อหยา เรียกใช้ เจียง จื่อหยา ได้ใช้บัญชีนั้นตั้งขุนศึกทั้งฝ่ายซางและโจ้วขึ้นเป็นเทวดามารับราชการ ที่สุดแล้ว กองทัพจี ฟา ทำลายพระมหากษัตริย์ได้เป็นผลสำเร็จ และสถาปนาราชวงศ์ใหม่ คือ ราชวงศ์โจว โดยมีเจียง จื่อหยา เป็นเจ้าพระยามหาอุปราชคนแรก ฮ่องสิน นับเป็นวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่าอีเลียดของกรีก และมหาภารตยุทธ์ของอินเดีย ทั้งยังสอดแทรกหลักธรรมของขงจื๊อ พุทธ และเต๋าในเนื้อหา ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมจีน เนื้อเรื่อง อิงประวัติศาสตร์การศึกยุคสร้างชาติ มีทั้งเรื่องของผู้คนและภูติเทพ แนวคิดทางปรัชญา ปัจจุบันฮ่องสินมีพิมพ์จำหน่ายโดย สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ ฉบับตีพิมพ์ปี ๒๕๔๙ และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ล่าสุดเมื่อปี ๒๐๑๖ ใช้ชื่อว่า League Of Gods สงครามเทพเจ้า นำแสดงโดย เจ็ท ลี โทนี่เหลียง เจียฮุย ฟ่านปิงปิง และ กู่เทียนเล่อ #ฮ่องสินสงครามเทพเจ้า #สฺวี่จ้งหลิน許仲琳 #แฟนตาซี #พารานอร์มัล #อิงประวัติศาสตร์ #แนวจีนโบราณ
โหลดเพิ่มเติม

หมวดหมู่หลัก

หมวดหมู่ย่อย